ุ60 - 20 - 20 หลักการทำงาน Network Marketing ให้ประสบความสำเร็จ

หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินสูตรต่างๆ ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ 
แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือ กฏ 80/20 ของพาเรโต

Image result for กฎ 80 20

ในปีคศ.1906 (ตรงกับพศ.2449) ได้มีนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียนคนหนึ่ง
ชื่อ วิลเฟรโด พาเรโต ได้สร้างสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายการกระจายของสมการที่ไม่เท่ากัน 
(The unequal distribution) ของความมั่งคั่งในประเทศอิตาลี ซึ่งผลจากการสำรวจนี้บอกไว้ว่า 
ประชากรราว 20 เปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของความมั่งคั่งถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ


พูดง่าย ๆ ว่าในอิตาลีมีคนรวยอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ของคนทั้งหมด

ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน รวมแล้วคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินคนทั้งประเทศแหละครับ


ซึ่งต่อมาในราวช่วงปลายทศวรรษ 1940 (ประมาณช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) 
ก็ได้มีการเรียกกฎดังกล่าวว่าเป็นกฎ 80/20 ของพาเรโต (80/20 Rule to Pareto หรือ Pareto’s Law) 

อย่างเป็นทางการ และเริ่มมีการใช้กฏนี้อย่างแพร่หลาย

และจากกฏ 80/20 ของพาเรโตนั้น เราสามารถนำมาปรับเป็นกฏ 60/20/20 
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำธุรกิจเครือข่ายได้เช่นกัน โดยกฏที่ว่านี้แบ่งออกเป็น


60% คือการทำงานในด้านการตลาด และการขาย
20% คือการทำงานในด้านผลิตภัณฑ์
20% สุดท้ายคือการทำงานในด้านการจัดการ


แต่ทุกวันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น 
แทนที่จะใช้เวลาเพียง 20% ทำงานด้านการตลาด และการขายให้ได้ผลลัพธ์ 80% 

(ด้วยการสร้างระบบ และให้ระบบทำงานแทน)
แต่แทบทุกคนมัวแต่เสียเวลา 80% กับการทำงาน 20% ที่เป็นงาน Operation 

งานที่มีแต่ความวุ่นวาย งานที่ต้องใช้เวลามากมายจมอยู่กับการเรียนการทำ Facebook Profile ให้สวย  
การทำ Present ให้มีความเป็นมืออาชีพ / การเรียนการตกแต่งภาพอย่างมือโปร 
การใช้เครืองมือเพื่อการทำ Facebook Live ระดับสตูดิโอ 
การถ่ายภาพเพื่อโฆษณา Instagram ให้ปัง  
การสร้าง template ระดับเทพ / การตัดต่อ VDO อย่างมืออาชีพ 
และอีกหลายๆ อย่างที่เป็นเรื่องของการ Operation 
แต่กลับไม่ได้เนื้องานที่แท้จริง เพราะมัวแต่เน้นทำเรื่องการสร้างภาพ 
ซึ่งเป็นเพียงเสี้ยวเดียวในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพเท่านั้นเอง


ส่วนอีก 20% ที่เน้นกันก็คือ การเรียนรู้ และทดสอบการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างถูกวิธี 

ต้องปิดการขายอย่างไร การเปิดใจ การสปอนเซอร์ผู้คน วิธีพูดชวนคนเข้างาน 
หรือเข้าร่วมโอกาสทางธุรกิจที่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด 
การปิด Package ที่ดีที่สุดของบริษัทแบบมืออาชีพ 

และอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
ซึ่งในส่วนนี้ ทุกบริษัทต่างก็ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ อยู่แล้ว

เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักธุรกิจเครือข่ายทุกคนต้องเรียนรู้


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจ 
ซึ่งมีความสำคัญมากถึง 60% กลับไม่ค่อยมีการสอน 
หรือมีการถ่ายทอดวิธีการที่ถูกต้อง 

หรือไม่ก็ต้องไปเรียนคอร์สพิเศษจากอาจารย์ท่านอื่นๆ 
ที่สอนด้านการตลาดออนไลน์
ซึ่งพื้นฐานทางการตลาดที่สำคัญสำหรับธุรกิจนี้ประกอบไปด้วยศาสตร์หลายๆ ส่วน 
ไม่ว่าจะเป็น การสร้าง Value Content ที่มีประสิทธิภาพ / การเรียนรู้ในด้านการเป็นผู้นำองค์กร 
การพัฒนาในด้านบุคลิกภาพ / การพัฒนาทักษะในด้านการพูด การโน้มน้าวใจคน 


ซึ่งที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญที่ต้องเรียนรู้ 

โดยมีเนื้อหาของการตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ยังไม่มีเรื่องของการเรียนรู้การมองภาพรวมของการตลาด 
การเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค / จิตวิทยาในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงกลุ่ม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด 
กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ / การใช้ Marketing Tools ที่ถูกต้อง   
เรื่องของ Sale funnel Automation Tools / Attraction Marketing  
การสร้างเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถทำงานแทนเราได้ตลอดเวลา 

นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องการสร้าง Brand / การสร้างองค์กรให้แข็งแรง  
และทักษะทางการตลาดทีสำคัญอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องเรียนรู้


การสอนส่วนใหญ่ก็เป็นการบอกเพียงคร่าวๆ บอกแนวคิด

แต่ไม่ได้มีการลงลึกในรายละเอียดแบบเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่มีพิมพ์เขียวให้ทำตาม 
มีแต่บอกให้ต้องทำอย่างนี้ 1, 2, 3 ..... แต่ไม่ได้บอกว่าขั้นตอนที่ 1 นั้นต้องทำอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพ 
ไม่ได้บอกว่าขั้นตอนที่ 2 ต้องทำอย่างไรที่จะเกิดผลลัพธ์ รวมถึงขั้นตอน 3, 4, 5..... 
ไม่ได้สร้างแนวทางปฏิบัติ หรือ Platform ที่ถูกต้องให้กับผู้มุ่งหวังที่เข้าร่วมธุรกิจเลย 
(ส่วนใหญ่เรื่องการตลาดต้องไปหาเรียนรู้เอาเอง)
และมักจะบอกแค่ว่า ให้นำคนเข้าสู่ระบบให้ได้มากๆ เท่านั้นเอง
ส่วนที่เหลือระบบจะช่วยทำการปิดสมัครให้เอง

ในมุมมองของผมแล้ว การนำคนเข้าสู่ระบบนั้นเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการนำคนเข้าสู่ระบบเข้าสู่บรรยากาศแห่งความสำเร็จนั้น
เป็นหัวใจห้องหนึ่งของการทำธุรกิจเครือข่ายเลยทีเดียว 
หากสถาบันไหนไม่มีการสอน หรือสร้างแนวคิดในเรื่องนี้ละก็ 
นั่นไม่ใช่ธุรกิจเครือข่ายที่ดีอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรซะ การทำธุรกิจเครือข่ายนั้น
คือการทำงานร่วมกับ "คน" ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำงานกับ "คน" อย่างแน่นอน

การสร้างแรงจูงใจ หรือการอยู่ในบรรยากาศแห่งแรงจูงใจนั้น มันเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลา 
ทุกคนจะต้องสร้างให้มันเกิดขึ้นอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด บ่อยที่สุด 

เพราะมิฉะนั้นแล้วแรงจูงใจนั้นๆ ก็จะหายไปกับสายลมอย่างแน่นอน ไม่ช้า ก็เร็ว
ลองดูซิว่า คนที่เพิ่งออกมาจากการประชุมเปิดโอกาสทางธุรกิจนั้น ไฟลุกท่วมขนาดไหน?? 

แล้วพอผ่านไปแล้ว 2 วันล่ะ?? 5 วันล่ะ?? หรือ 1 สัปดาห์ล่ะ?? ไฟมันอาจจะมอดไปตั้งแต่ครึ่งวันแรกแล้วก็ได้


แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มันอยู่ที่ว่า นำผุ้มุ่งหวังเข้ามาในระบบแล้วอย่างไรต่อล่ะ? 

ที่จะทำให้แรงจูงใจนั้นมันเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้นในเมื่อฉันก็เพิ่งเข้ามาเหมือนกัน 
ฉันก็มาเรียนรู้เหมือนกับคุณนั่นแหละ แต่แค่ฉันรู้มากกว่าคุณนิดนึงแค่นั้นเอง
ซึ่งหากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ ไม่นานก็ต้องมีคนออกจากระบบไปเอง 
ถ้าไม่ใช่ Down line ก็อาจจะเป็น Up line ก็เป็นได้


เพราะฉะนั้น ผมอยากให้คุณเข้าใจก่อนนะครับว่า
การนำคนเข้าสู่ระบบนั้นคือการ Recruit นะครับ เป็นภาคนำเข้าอย่างเดียวเท่านั้น 

เข้ามาสู่ "ระบบ" เข้ามาก่อนแล้วค่อยมาเรียนรู้
แต่คำว่าธุรกิจเครือข่ายคือ คุณต้องเป็นผู้นำ และถ่ายทอดองค์ความรู้ของคุณ
ส่งต่อให้ผู้มุ่งหวังของคุณให้เป็นผู้นำ ซึ่งอย่างหลังนี้จะเรียกว่าการ Sponsor นะครับ
ต้องนำเข้ามาอย่างมีประสิทธิผล ต้องสามารถสร้างองค์กรต่อได้
ไม่ใช่การเข้ามาก่อนแล้วมาเรียนรู้เอาเอง

"Recruit ไม่ใช่ Sponsor"
เพราะฉะนั้นหากจะทำธุรกิจเครือข่าย ต้อง Sponsor ไม่ใช่แค่การ recruit


ดังนั้น จึงต้องสร้างผู้คนเหล่านั้นให้มีความเป็นผู้นำ
เพื่อสร้างองค์กรของตัวเองต่อไปอีกด้วย 
แล้วหาก Up line หรือผู้ที่เปิดโอกาสทางธุรกิจให้นั้น 
ยังไม่มี Platform ยังไม่มีแนวทางปฏิบัติทางด้านการตลาดแล้ว
ผู้มุ่งหวังจะต้องดูต้นแบบจากใคร? หรือต้องเรียนรู้เอง??


อย่าลืมว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ธุรกิจนี้ 
"90% ไม่มีความรู้ทางด้านการทำธุรกิจนี้มาก่อนเลย"


ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด 

คนที่ทำ Part time ก็จะได้รับข้อมูลเดียวกันกับคนที่ทำ Full time สุดท้ายแล้วเค้าก็จะรู้สึกว่าเค้าทำไม่ได้
เค้าจะรู้สึกว่าเค้าไม่มีเวลา หรือเค้ารู้สึกว่าเค้าพอใจที่จะทำแค่นี้  
ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ผู้มุ่งหวังเหล่านี้จะไม่สามารถสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งได้เลย 
แล้วเขาจะถ่ายทอดและส่งต่อความสำเร็จนี้ได้อย่างไร?


ลองกลับไปทบทวนดูนะครับว่าองค์กรของคุณตอนนี้


ให้ความสำคัญกับเรื่องใดมากกว่ากัน??
ใช้เวลา 20% ในการสร้างผลลัพธ์ของ Marketing & Sale 80% 
หรือว่าใช้เวลา 80% ในการวุ่นวายอยู่กับ Operation 20% กันแน่





วันนี้ คุณยังทำงานแบบเดิมๆ อยู่หรือป่าว??
คุณเป็น "คนยุ่ง" หรือ "คนมีประสิทธิภาพ" 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

EP 2 : KNOW.. LIKE.. TRUST... (การทำธุรกิจก็ไม่ต่างอะไรจากการจีบสาว)

ขายขั้นเทพ ตอนที่ 2